ทำไมต้องใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา

   ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกยางพาราประมาณ 12.3 ล้านไร่ มีพื้นที่ปลูกมากเป็นอันดับสองรองจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีประมาณ 15 ล้านไร่ ส่วนประเทศมาเลเซียซึ่งมีพื้นที่ปลูกประมาณ 10 ล้านไร่ ในอดีต ไม้ยางพาราถือเป็นผลพลอยได้จากการผลิตนํ้ายางของเกษตรกร ชาวสวนยางมักโค่นต้นยางนำมาใช้ทำเชื้อเพลิง เผาถ่าน พาเลส ลังไม้ เมื่อต้นยางมีอายุมากและให้ผลผลิตน้อย ซึ่งมักเป็นต้นยางที่มีอายุเกิน25ปีขึ้นไปไม่คุ้มค่ากับต้นทุนการผลิต ประกอบกับโรงงานแปรรูปไม้ไม่นิยมรับซื้อไม้ยางพารา  เพราะมีลักษณะเป็นไม้เนื้ออ่อน ความทนทานตามธรรมชาติค่อนข้างต่ำกว่าพวกไม้สัก ไม้แดง ไม้เต็ง ไม้มะค่า ซึ้งได้รับความนิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ในสมัยนั้น

   แต่เนื่องจากป่าไม้ในปัจจุบันมีจำนวนเหลือน้อยลงและรัฐบาลได้ประกาศพระราชกำหนดปิดป่าเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้เมื่อปี2532 จึงทำให้ การจะนำไม้ป่ามาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์เชิงพาณิชย์ไม่อาจจะทำได้ ไม้ยางพารา ที่โค่นล้มโดยมีการปลูกทดแทน จึงเป็นความเหมาะสมเมื่อนำมาแปรรูป อีกทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับไม้ยางพาราของไทยและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตกร

 ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากไม้ยางพารา ที่ได้รับความนิยม

   1. เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา เช่น โต๊ะ,เก้าอี้ไม้ยางพารา,ชุดรับประทานอาหารไม้ยางพารา,ชุดรับแขกไม้                    ยางพารา,ราวตากผ้าไม้ยางพารา,ที่แขวนสูทไม้ยางพารา

   2. เครื่องครัว,ของใช้ในบ้าน,ชั้นวางของไม้ยางพารา

   3. แผ่นชิ้นไม้อัด (Particle board) จากไม้ยางพารา

  ข้อดีของเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา

  1 ดูเป็นธรรมชาติ

  2 ยืดหยุ่น แข็งแรง

  3 ทนต่อสภาพอากาศ

  4 มีรูปแบบให้เลือกหลายหลาย

  5 ง่ายต่อการดูแลรักษา

  6 ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับไม้ชนิดอื่น

  7 เป็นการช่วยเกษตกร

 ข้อเสียของเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา

  1.ไม้ยางพาราเป็นไม้ที่มีตาไม้มาก การนําไปใช้จึงนําไปใช้ได้เพียงชิ้นส่วนสั้นสั้น หากต้องการชิ้นส่วนที่มีความ        ยาวต้องใช้เทคนิคการต่อประสานกันเพื่อนําไปใช้

  2 หากไม้ไม่ผ่านการอบอาจทำให้เกิดความเสียหายจากราและมอด ได้

  3 การย้อมสีผิวไม้ทำได้ยาก เพราะจะมีการดูดซึมสีไม่เท่ากัน

  4 การเลื่อยตัด การเจาะรู หากใบมีดหรือสว่านไม่คมพอ หรือมีการขัดที่รุนแรง จะเกิดรอยตำหนิบนเนื้อไม้ได้

ข้อมูลอ้างอิง( yyswim, 2549 : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yyswim&month=13-10-                               2006&group=3&gblog=28),(ศูนย์ข้อมูลยางพาราไทย, มปป : http://rubberwarroom.com)